เมล็ดพันธุ์ผัก
ประเภทของเมล็ดพันธุ์ผัก
ประเภทของเมล็ดพันธุ์ผักแบ่งออกเป็น2 ประเภท คือ
ความแตกต่างระห่าวงพันธุ์ผสมเปิดและพันธุ์ลูกผสม
- ราคาเมล็ดพันธุ์ พันธุ์ผสมเปิด ต่ำ พันธุ์ลูกผสม สูง - ความสม่ำเสมอของพันธุ์ พันธุ์ผสมเปิด ต่ำ พันธุ์ลูกผสม สูง - ผลผลิตต่อต้น พันธุ์ผสมเปิด ต่ำ พันธุ์ลูกผสม สูง-สูงมาก - ความทนทานต่อสภาพแวดล้อม พันธุ์ผสมเปิด ต่ำ พันธุ์ลูกผสม สูง |
ประเภทของเมล็ด 1.เมล็ดแบบไม่เคลือบ (Raw seed) เมล็ดประเภทนี้จะผ่านการลดความชื้น และทำความสะอาดมาแล้ว ในบางครั้งเมล็ดแบบนี้จะมีการคลุกสารเพื่อช่วยให้มีความต้านทานต่อเชื้อโรคในระยะแรกของการงอกเป็นต้นกล้า ถ้าเลือกใช้เมล็ดแบบนี้ก็ควรถามผู้ขายว่ามีการคลุกสารป้องกันเชื้อโรคมาให้ด้วยหรือไม่ ถ้ามี หลังจากที่เราเพาะเมล็ดเสร็จแล้วก็ควรล้างมือให้สะอาด เมล็ดประเภทนี้อายุเก็บรักษาจะนานกว่าเมล็ดแบบเคลือบ แต่เปอร์เซ็นต์ความงอกของเมล็ดจะค่อยๆ ลดลงเมื่อเวลาผ่านไป
2.เมล็ดแบบเคลือบ มี 2 ลักษณะ คือ เมล็ดเคลือบแป้ง เราเรียก Pelleted seed เก็บได้นาน 1-3 ปี ส่วนมากจะเป็นพวกเมล็ดไม้ดอก และเมล็ดแบบเคลือบ จะเรียกว่า Primed seed ซึ่งเมล็ดจะถูกกระตุ้นให้เกิดการงอกก่อน แล้วจึงนำมาทำการเคลือบแป้ง (Pelleted seed) อีกที ซึ่งจากการที่กระตุ้นให้เมล็ดงอกก่อน ทำให้เมล็ดพันธุ์แบบนี้มีอายุการเก็บรักษาสั้น ซึ่งถ้าเลือกซื้อมาใช้ควรใช้ให้หมดโดยเร็ว ไม่ควรเก็บไว้นานเกินไป สำหรับข้อดีของการใช้เมล็ดแบบเคลือบก็คือ สะดวกในการเพาะอัตราการงอกสม่ำเสมอ และ % ความงอกสูง แต่ราคาก็จะสูงกว่าเมล็ดแบบไม่เคลือบ
|
การเลือกเมล็ดพันธุ์ผัก ลักษณะของเมล็ดพันธุ์ที่ดี 1.สะอาดปราศจากสิ่งเจือปนต่าง ๆ เช่น ฝุ่นละออง กรวด ทราย เศษผัก หรือเมล็ดพืชอื่น 2.ตรงตามพันธุ์ เป็นเมล็ดที่ไม่กลายพันธุ์ เช่นตระกูลของมันมีผลสีเขียวอมชมพู เมื่อนำมาปลูกผลก็เป็นสีเขียวอมชมพู ตรงตามพันธุ์เดิม 3.ไม่มีโรคและแมลง เมล็ดพันธุ์บางชนิดอาจมีโรคหรือแมลงติดมากับเมล็ด เมื่อนำไปเพาะเชื้อโรคในเมล็ดอาจจะแพร่ไปได้ เมล็ดพันธุ์ที่ดีควรเป็น เมล็ดพันธุ์ที่ได้ผ่านการฆ่าเชื้อโรคและแมลงมาแล้ว 4.มาจากตระกูลที่ดี หมายถึงเมล็ดพันธุ์ที่มาจากตระกูลที่มีผลดกดี มีขนาดและรูปร่างดี มีสี มีน้ำหนัก และรสดี 5.มีความสามารถในการงอกสูง หมายถึงเมล็ดที่มีความสามารถใน การงอกเจริญเติบโต มีอาหารที่จะเลี้ยงลำต้นจนเจริญเติบโตได้ 6.ทนทานต่อโรคและแมลง |
การทดสอบความงอกของเมล็ดผัก
ในการปลูกพืชผักมีปัญหาหนึ่งที่เกษตรกรประสบอยู่เสมอ ๆ นั่นคือ ปัญหาคุณภาพความงอกของเมล็ดพันธุ์ เกษตรกรไม่มีโอกาสแน่ใจได้ว่าเมล็ดพันธุ์ พืชผักที่ซื้อหามาปลูกในแต่ละครั้งนั้นจะงอกได้มากน้อยเพียงใด หากเมล็ดพืชผักที่ปลูกลงไปแล้วมีปริมาณการงอกต่ำหรือมีเมล็ดพันธุ์อื่นปะปนอยู่มาก เกษตรกรก็จะได้ผลผลิตต่ำไม่คุ้มค่ากับการลงทุนลงแรงไปในแต่ละครั้งรวมทั้งเสียเวลาของฤดูปลูกในแต่ละครั้งไปอย่างน่าเสียดาย หรือบางทีเกษตรอาจจะต้องลงทุนเพิ่มเมล็ดพันธุ์พืชชนิดอื่นเพื่อปลูกแซมลงไปให้เต็มพื้นที่ที่เตรียมเอาไว้แล้ว ดังนั้น ก่อนการปลูกพืชผักแต่ละครั้งเกษตรกรควรจะให้ความสำคัญในการทดสอบความงอกของเมล็ดพันธุ์พืชผักด้วยวิธีง่าย ๆ เพื่อให้ทราบถึงปริมาณความงอกของเมล็ดพันธุนั้น ๆ และหากได้ทดสอบเมล็ดพันธุ์ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อมาปลูกได้ก็จะทำให้มีการตัดสินใจเลือกซื้อได้ตรงตามความต้องการมากขึ้น ไม่ต้องเสี่ยงซื้อเมล็ดพันธุ์ไม่ดี ไม่ต้องเสี่ยงลงทุนลงแรง และเสียเวลาไปโดยได้ผลตอบแทนที่ไม่คุ้มค่า มีวิธีทดลองที่ทำได้เองแบบง่าย ๆ อยู่ 3 วิธีคือ 1.เอาเมล็ดพันธุผักใส่ภาชนะ จะเป็นแก้วน้ำ ขันน้ำ หรือจานก็ได้ แล้วใส่นํ้าลงไป เมล็ดที่เสียจะลอยนํ้า ส่วนเมล็ดที่ดีจะจมนํ้า หากสังเกตเห็นว่ามีเมล็ดที่ลอยน้ำมากแสดงว่ามีเมล็ดเสียมากไม่ควรซื้อมาปลูก 2.ใช้กระดาษฟางหรือกระดาษซับตัดให้พอดีกับจาน วางไว้ก้นจาน ใส่นํ้าพอชุ่มนับเมล็ดใส่ลงไป 100 เมล็ด แล้วเอากระดาษฟางหรือกระดาษซับปิดไว้อีกที เทนํ้าใส่ให้ชุ่มภายในเวลา 1 -3 วัน เมล็ดจะงอก นับเมล็ดที่งอกดู ถ้าเมล็ดงอก 70-80 % ก็นับว่าอยู่ในเกณฑ์ใช้ได้ ถ้าเมล็ดงอก 90 % ขึ้นไปใช้ได้ดี แต่ถ้าต่ำกว่า 60 % ลงมาไม่ควรจะซื้อหามาปลูก 3.เอาทรายใส่ในจานสังกะสีให้เต็มก้นจานนับเมล็ดผักใส่ลงไป 100 เมล็ด หยอดน้ำพอให้ชุ่ม เอาจานอีกใบครอบไว้ หยอดน้ำให้ชุ่มทุกวัน ภายใน 3 วัน เมล็ดจะงอกนับดูเหมือนวิธีที่ 2 |
ข้อควรระวัง 1.ควรรดนํ้าให้ชุ่มอยู่เสมอ และต้องวางไว้ในที่ปลอดภัย อากาศถ่ายเทได้ดี เมล็ดที่ทดลองความงอกควรจะเป็นตัวแทนของเมล็ดทั้งหมด ไม่ควรเลือกเมล็ดเอา มาทดลอง เพราะจะทำให้ได้ผลการทดลองไม่ตรงตามความเป็นจริง 2.เมล็ดที่ทดลองความงอกได้ดี แต่เมื่อนำไปปลูกในแปลงปลูกจริงแล้ว เมล็ดกลับไม่ค่อยงอกนั้นอาจจะเป็นเพราะสภาพดินไม่เหมาะสม ในดินที่มีความเป็น กรด-ด่างมากเกินไป ดินขาดธาตุอาหารและความชุ่มชื้นไม่เพียงพอ เกษตรกรจะต้องพิจารณาและแก้ไขข้อบกพร่องดังกล่าว |